การสัมภาษณ์งานไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แสดงคุณสมบัติของผู้สมัครงานเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงเวทีแห่งการสร้าง First Impression หรือความประทับใจแรกอันยาวนาน นั่นก็เป็นเพราะว่า ฉากแห่งความประทับใจแรกจะเป็นตัวกำหนดทิศทางและบรรยากาศของการสัมภาษณ์ที่เหลือทั้งหมด หมายความว่ามันก็สามารถช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับการหางานของคุณได้ถ้ารู้จักใช้มันดีพอ นอกจากนายจ้างจะประเมินทักษะความสามารถแล้ว พวกเขายังมองทะลุไปถึงความเป็นมืออาชีพ พฤติกรรมและความเหมาะสมโดยองค์รวมอีกด้วย และนี่คือ เทคนิคสร้างความประทับใจแรก 5 ประการที่จะช่วยให้คุณโดดเด่นและได้งานอย่างที่คุณต้องการ
1. ตรงต่อเวลา
เรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกสู่การสร้างความประทับใจที่มั่นคงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการมาถึงที่สัมภาษณ์งานตรงเวลา (หรือดีกว่านั้น คือ ก่อนเวลาสัมภาษณ์ 15 นาที) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเคารพที่คุณมีต่อกระบวนการสัมภาษณ์ ในบางบริษัท คุณจำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มใบสมัครด้วยก็สามารถใช้เวลานี้ดำเนินการทางเอกสาร นอกจากนี้ เวลาที่มีอยู่เหลือเฟือยังช่วยสะกัดกั้นความกังวลใจก่อนการสัมภาษณ์ ไปจนถึงการทบทวนซักซ้อมการตอบคำถามของคุณเพื่อให้มั่นใจว่า ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์ คุณจะเต็มไปด้วยความมั่นใจและเตรียมพร้อมอย่างดี
2. สร้างภาพจำแบบมือโปร
ยังคงปฏิเสธไม่ได้ว่า รูปลักษณ์ภายนอกยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างความประทับใจแรกพบเสมอ แม้ว่าในปัจจุบันหลายบริษัทมีการปรับตัวให้พนักงานสามารถสวมใส่เสื้อผ้าแบบสบายๆ เหมือนอยู่บ้านได้ แต่ในการสัมภาษณ์แล้วเสื้อผ้าที่ดูเป็นกันเองไม่ได้ช่วยสร้างภาพของความน่าเชื่อถือ ดูเป็นมืออาชีพได้ดีไปกว่าเสื้อผ้าแบบทางการ ใส่สูท ผูกเนคไท ซึ่งบ่งบอกถึงความจริงจังและความเคารพต่อโอกาสที่บริษัทมอบให้ จงแต่งตัวให้เหมาะสมโดยเลือกเครื่องแต่งกายที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพของคุณ และจำเอาไว้ ว่า เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นการสื่อสารที่ทรงพลังโดยปราศจากคำพูดเลยหละ
3. พกเฉพาะสิ่งของจำเป็น
เคยไหม? เตรียมเอกสาร เตรียมเสื้อคลุม พกเครื่องสำอางพะรุงพะรัง แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่ได้ใช้ หรือจะหยิบบัตรประชาชนก็ต้องเทของออกมาให้วุ่นวายจนถูกมองไม่ดี ดังนั้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่เป็นระเบียบและเนี้ยบหรู ให้เตรียมเฉพาะของสำคัญมาในวันสัมภาษณ์เท่านั้น เช่น เอกสารที่บริษัทขอให้นำมา เซ็นรับรอบสำเนาถูกต้องพร้อมยื่น รวมถึงการปิดเสียงโทรศัพท์เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง ป้องกันโทรศัพท์ส่งเสียงรบกวนในเวลาสำคัญ เพราะคุณควรพุ่งจุดโฟกัสทั้งหมดไปที่การสัมภาษณ์ทั้งหมด ไม่ใช่การพะวักพะวงกับการจัดการสิ่งของส่วนตัวนั่นเอง
4. รุกก่อนได้เปรียบ
อย่าคิดว่าการสัมภาษณ์งานทุกครั้ง คุณต้องเป็นฝ่ายตามเกมเสมอไป เพราะการชิงเริ่มต้นบทสนทนาในห้องสัมภาษณ์ก่อนเป็นคนแรกจะช่วยสร้างความแตกต่างและทำให้คุณได้รับคะแนนพิเศษไปครอง คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้สัมภาษณ์เริ่มดำเนินการทักทายก่อน จงกล่าวทักทาย (หรือยื่นมือไปจับกรณีสัมภาษณ์กับชาวต่างชาติ) อย่างมั่นใจและอบอุ่น เริ่มบทสนทนาด้วยการถามสารทุกข์สุกดิบเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดลงเสีย สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนแอคทีฟ มีภาวะผู้นำและมั่นใจในตนเอง
5. อย่าลืมภาษากาย
กว่า 70 – 93% ของการสื่อสารนั้นเป็นภาษากาย คุณจึงควรสบตากับผู้สัมภาษณ์ไปอย่างจริงใจ ซึ่งสื่อถึงความเอาใจใส่และการมีส่วนร่วมในการสัมภาษณ์ ปลดปล่อยพลังงานบวกผ่านสีหน้า ท่าทางและรอยยิ้มพิมพ์ใจ อันเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยเทคนิคที่นิยมใช้กันในทางจิตวิทยา คือ การเป็นกระจกสะท้อนเงาของผู้ที่อยู่ตรงหน้า พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ คุณควรแสดงท่าที ใช้โทนเสียง น้ำเสียงที่คล้ายกันกับผู้สัมภาษณ์ให้ได้มากที่สุดจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าคุณคือพวกเดียวกัน แต่ต้องไม่ลืมว่า การเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงโดยไม่เสแสร้ง จะทำให้บทสนทนาลื่นไหลจนสร้างความประทับใจได้ในท้ายที่สุด
ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง การสร้างความประทับใจแรกถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ นายจ้างมักจะชื่นชมผู้สมัครที่แสดงความเคารพ ความเป็นมืออาชีพ และความน่าเชื่อถือตั้งแต่วันแรกที่พบเจอ ซึ่งเพิ่มโอกาสให้พวกเขาเลือกรับคุณเข้าทำงานมากกว่าจะเลือกผู้สมัครคนอื่นๆ ที่โดดเด่นไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคุณ