ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘งาน’ นั้นมีบทบาทสำคัญในชีวิต ส่งผลต่อความเป็นอยู่ ความมั่นคงทางการเงิน ไปจนถึงความสุขโดยภาพรวมของคุณ แม้ว่าการเผชิญหน้าความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในงานถือเป็นเรื่องปกติ แต่หลายครั้งที่การทำงานในที่เดิมต่อไปอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญ คือ คุณต้องรู้ถึงสัญญาณว่าเมื่อใด เป็นเวลาที่คุณต้องลาออกเพื่อปลดปล่อยตัวเองไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม โดยในบทความนี้ เราจะสำรวจสัญญาณห้าประการที่ชัดเจนซึ่งบ่งชี้ว่าคุณควรพิจารณาลาออกจากงานปัจจุบันเพื่อแสวงหาเส้นทางอาชีพที่เติมเต็มและน่าพึงพอใจยิ่งขึ้น
1. ความเครียดเรื้อรังและภาวะหมดไฟ (Burnout)
หากงานปัจจุบันสร้างความรู้สึกหนักใจ เครียด หรือเหนื่อยล้าอยู่เกือบตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณของความเครียดสะสมและความเหนื่อยล้าที่ยากเกินกว่าร่างกายจะรับมือได้ไหว แม้ความเครียดจะถูกมองเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็ตาม แต่งานที่ตะบี้ตะบันให้คุณถึงขีดจำกัดเป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกายของคุณได้ในท้ายที่สุด พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เมื่อถึงจุดที่ความเป็นอยู่ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงหรือเข้าขั้นวิกฤต มันก็อาจเป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณต้องย้อนกลับมาประเมินสถานการณ์ตัวเองอย่างถี่ถ้วนและเริ่มมองหาสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ที่ดีต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาวนั่นเอง
2. ขาดการเติบโตและการพัฒนาในสายงาน
การหยุดอยู่กับที่ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินถอยหลัง เมื่อคุณกำลังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกที่ทุกคนตื่นตัวและมุ่งไปข้างหน้าอยู่เสมอ นั่นหมายความว่าการไม่ก้าวหน้าในที่ทำงานจะส่งผลเสียต่อเส้นทางอาชีพของคุณในอนาคต หากคุณพิจารณาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งเดิมมาหลายปี ไร้ซึ่งโอกาสในการเติบโต แม้กระทั่งโอกาสในการเรียนรู้อะไรใหม่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่างานปัจจุบันนั้นดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับเป้าหมายทางอาชีพของคุณอีกต่อไป หรืออาจตีความได้ว่า นายจ้างไม่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรภายใน อันเป็นการการขาดการพัฒนาองค์กรในองค์รวมและยังขัดขวางทักษะและจำกัดศักยภาพของพนักงานอีกด้วย
3. สภาพแวดล้อมเป็นพิษ
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Toxic ซึ่งเปรียบเปรียบถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ได้เอื้อให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เต็มไปด้วยศัตรู ภัยคุกคาม เป็นวัฒนธรรมที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในงานของพนักงาน หากคุณพบว่าตัวเองมีความรู้สึกกลัวหรือไม่อยากไปทำงานอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากมีปฏิสัมพันธ์เชิงลบกับเพื่อนร่วมงานหรือฝ่ายบริหาร ราวกับการทำงานแบบครอบครัวกาสะล้องกับซ้องปีบ เอื้อยกับอ้าย บางที นี่อาจเป็นเวลาที่คุณควรพิจารณาว่า ถึงเวลาแล้วล่ะ ที่ต้องลาออกแล้วย้ายไปที่ทำงานที่ส่งเสริมพลังงานบวก ไม่ใช่การออกไปสู้รบปรบมือกับเรื่องดราม่า
4. ค่านิยมและเป้าหมายของคุณสวนทางกับองค์กร
เมื่อองค์กรนั้นๆ ไม่สอดคล้องกับค่านิยมและเป้าหมายของคุณในระยะยาว มันอาจนำไปสู่ความรู้สึกว่างเปล่าและความไม่พอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคุณได้ในท้ายที่สุด หากในตอนนี้ คุณไม่ได้มีความรู้สึกหลงใหลในงานที่ตัวเองกำลังทำ การตื่นขึ้นมาทำงานในเช้าวันถัดไปเริ่มเป็นเรื่องยากและต้องฝืนใจ คุณรู้สึกว่าแรงบันดาลใจในการทำงานที่เคยมีมันหายไป รวมถึงค่านิยมของคุณขัดแย้งกับขององค์กร อาจเป็นข้อบ่งชี้ ว่า คุณต้องเริ่มหางานที่สะท้อนถึงหลักการที่คุณเชื่อ ตอบโจทย์หรือส่งเสริมความทะเยอทะยานที่คุณมีแล้วล่ะ
5. ความไม่สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
งานที่มี Work-life balance ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานทุกคน หากงานปัจจุบันต้องทำให้คุณเสียสละเวลาส่วนตัวหลายชั่วโมงกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการต้องอยู่เคลียร์งานแบบโอทีแต่เป็นโอฟรี มีวัฒนธรรมที่การล่วงเวลาเป็นเรื่องดี หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ต้องแวะมาออฟฟิศบ่อยๆ จนกระทบกับชีวิตส่วนตัว ความสัมพันธ์ และความสุขโดยรวมของคุณ เกิดความตึงเครียดจนแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัวไม่ได้ ลาออกจากงานเพื่อเพิ่มเวลาชีวิตที่คุณควรจะใช้มันสำหรับตัวเองก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ผิด
จริงอยู่ที่การออกจากงานถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ และจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ แต่ถ้าคุณพบสัญญาณที่ชัดเจนข้างต้นหลายข้อ การลาออกอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตที่ดีขึ้นและความก้าวหน้าในอาชีพในระยะยาว ที่ We Supply Talent เราช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหางานใหม่ ได้ฝากโปรไฟล์เอาไว้และในทันทีที่มีตำแหน่งงานที่เหมาะเจาะ บริษัทที่เหมาะสม ในเวลาที่ใช่ พนักงานที่ปรึกษาจะติดต่อไปนัดหมายสัมภาษณ์งาน อำนวยความสะดวกตลอดการหางานของคุณ ค้นหาตำแหน่งที่มีการเปิดรับในตอนนี้ ได้ที่ https://bitly.ws/Viht
